- Website Design
- Graphic Design
- Graphic Design Services
- Advisory
- ตลาดออนไลน์
- Website Marketing
- Social Networks
- Advisory
- IDM Brands
- Online Jewelry
- Interior Design
- Medical Tourism
- Case Studies
- Contact
บริษัทหลายแห่งใช้เงินหลายพันดอลลาร์ต่อเดือนในการโฆษณาบน Google (AdWords) แต่กลับไม่ได้รับผลตอบแทนอะไร ในฐานะนักการตลาดออนไลน์ คุณควรรู้อย่างแน่ชัดว่าความพยายามเหล่านี้ให้ผลหรือนำไปสู่อะไร แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับ ROI เท่าที่ควร แต่ไม่เป็นไร บทความนี้จะอธิบายคุณค่าของเครื่องมือวัด Conversion ที่ถูกต้องและให้ข้อมูลเชิงลึกแก่คุณ!
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากลูกค้าหรือผู้ใช้โต้ตอบกับโฆษณา อาจจะเป็น การซื้อ การลงชื่อสมัครรับจดหมายข่าว การโทร หรือการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น หลังจากการโฆษณาเพื่อแนะนำบริษัท ผลิตภัณฑ์ สินค้าหรือบริการใด ๆ ไม่ว่าลูกค้าดำเนินการอะไรที่คุณกำหนดว่ามีคุณค่า การกระทำของผู้ที่เกี่ยวข้องเหล่านี้จะเรียกว่า “Conversion” แล้วคุณจะติดตามโฆษณาและผลได้หรือไม่? และติดตามโฆษณาอย่างไร? วันนี้เราจะให้คำตอบนั้นกับคุณ
สิ่งสำคัญที่สุดคือค่าที่คุณกำหนดให้กับ Conversion นั้นต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับ macro-conversions ขององค์กรของคุณเสมอ ซึ่งมักขึ้นอยู่กับรูปแบบธุรกิจของคุณที่ให้บริการอยู่ โดยทั่วไปจะมีการซื้อ การลงทะเบียน และการขอใบเสนอราคา
การกำหนดมูลค่าของ Conversion อาจไม่ใช่การสมัครรับจดหมายข่าว การดาวน์โหลด ฯลฯ สิ่งเหล่าไม่สามารถให้ประโยชน์โดยตรงได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สำคัญหรือมีคุณค่าในระยะยาว แต่อาจทำให้เกิดความสับสนหากคุณต้องการข้อมูลที่ชัดเจนว่ามูลค่าโดยตรงของ Google CPC คืออะไร
การกำหนดมูลค่า Convension นั้นง่ายและไม่ซับซ้อน หากคุณมีเว็บช็อป คุณสามารถใช้ เงินจากธุรกรรม เป็นมูลค่าของ Conversion ได้ ด้วย Google Ads คุณสามารถติดตามข้อมูลอีคอมเมิร์ซประเภทนี้ได้ อย่างไรก็ตาม คุณอาจจำเป็นต้องทำการปรับเปลี่ยนบางอย่างบนเว็บไซต์ โดยคุณจะต้องสังเกตว่าโดยเฉลี่ยความสนใจของลูกค้าคืออะไร บางครั้งการคำนวณนี้อาจทำได้ยาก แต่เครื่องมือออนไลน์สามารถช่วยให้เป็นเรื่องง่าย
การตั้งมูลค่าของ Conversion ทำได้โดยการตั้งค่ากับ Google Ads ให้คุณเลือกที่ “ตั้งค่า” จากนั้นไปที่ “Conversion” เพียงแค่นี้ คุณก็จะสามารถตั้งค่า ลบหรือเพิ่ม Conversion ได้ การใช้ Conversion Code ของ Google Ads นั้นมีประโยชน์แต่ก็มีข้อเสียอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
หลังจากตั้งค่าให้คอนเวอร์ชั่นแล้ว Google จะถามระยะเวลาที่ต้องการใช้ จำนวนวันที่คุณตั้งควรมากกว่ากระบวนการต่างทำโมษณา เนื่องจาก Google จะเริ่มทำการติดตามโฆษณาและวัดหลังจากมีผู้คลิกโฆษณา
สถิติอีกตัวที่ Google เก็บไว้และตรวจสอบคือ ‘view-through conversion period’ คุณจะเห็นสถิตินี้หากผู้คนได้เห็นโฆษณาแต่ไม่ได้ทำการคลิก การปรากฏของโฆษณาในบางกรณีทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยกับคอนเวอร์ชั่น
เป็นเรื่องที่ดีที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่าง macro conversions และ micro conversions เพราะ Google จะใช้ Conversion นั้นเป็นข้อมูลสำหรับการเสนอราคาให้คุณ
Google จะใช้ตัวเลือกดังกล่าวสำหรับการเสนอราคาของคุณ หากคุณเลือกที่จะไม่ใช้คอนเวอร์ชั่น คอนเวอร์ชั่นจะไม่ถูกรวมอยู่ด้วย แต่หากคุณเลือกชมสติถิเป็น ‘คอนเวอร์ชั่นทั้งหมด’ คุณจะยังคงเห็นมันอยู่
การกำหนดคอนเวร์ชั่นเป็นขั้นตอนสำคัญในการตั้งค่าเครื่องมือที่ใช้ในการติดตามโฆษณา ซึ่งมีหลายโมเดลให้เลือก:
รูปแบบที่จะเลือกขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เมื่อคุณทำตามขั้นตอนข้างต้นแล้วคุณจะได้รับ conversion code โดยโค้ดนี้จะต้องอยู่ในหน้า ขอบคุณ ‘Thank You’ หลังจากการตั้งค่าคอนเวอร์ชั่นเสร็จสมบูรณ์
นอกจากโค้ดแล้ว เราขอแนะนำให้ติดตั้งแท็กไซต์ทั่วไป (gtag.js) เวอร์ชันล่าสุด คุณสามารถทำได้โดยใส่โค้ดโดยตรงบนเว็บไซต์หรือโดยใช้ Google Tag Manager
เพื่อระบุทิศทางที่ดีที่สุดสำหรับความพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการตลาดของคุณ คุณยังสามารถปรึกษาทีมผู้เชี่ยวชาญ PPC เพื่อการจัดแคมเปญของคุณเป็นระยะ เพื่อให้มั่นใจว่ากิจกรรมและการปรับเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ได้โฆษณาที่มีประสิทธิภาพ คุณภาพ และสามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายและผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้